Blinking Pink Hello Kitty

การจัดการเรียนรู้ตามแนวการปฏิรูปการศึกษา


การจัดการเรียนรู้ตามแนวการปฏิรูปการศึกษา

สำหรับประเทศไทยได้จัดการเรียนรู้ตามแนวการปฏิรูปการศึกษามาระยะหนึ่ง โดยมีพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่2) พ.ศ.2545 เป็นแม่บทหรือเทศทางและนำลงสู่การปฏิบัติด้วยการกำหนดเนื้อหาสสาระที่เกี่ยวข้องสำคัญหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544และพัฒนาเป็นหลักสูตรศึกษาสำหรับสถานศึกษาแต่ละแห่งตามความเหมาะสม
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ  พ.ศ.  2542  เป็นกฎหมายรับรองผู้มีความเกี่ยวข้องต้องถือปฏิบัติให้บรรลุผลสำเร็จตามเจตนารมณ์ของกฎหมายภายใน  3  ปี  แต่ปรากฏว่าระยะเวลาล่วงเลยมาเป็นปีที่  10  แห่งการใช้พระราชบัญญัตินี้กลับล้มเหลวเกือบจะสิ้นเชิง  ทั้ง ๆ ที่นโยบายในระดับสูงมุ่งมั่นที่จะให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับ ผู้ปฏิบัติ  เช่น  สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน  ครูและบุคลากรทางการศึกษา  และผู้เรียน 
      ปัญหาการปฏิรูปการเรียนรู้  สิ่งที่บ่งชี้ว่าต้องปฏิรูปการเรียนรู้  คือ

1. ห้องเรียน  (Class Room)  เพราะห้องเรียนเป็นกรอบในการปกครอง
ควบคุมดูแลนักเรียน  ให้อยู่ในระเบียบวินัย  เพื่อจะได้เรียนวิชาความรู้  ทั้ง ๆ ที่ไม่เอื้ออำนวยให้เขาเกิดการเรียนรู้  เพราะบรรยากาศการเรียนรู้ที่อึดอัด  ห้องเรียนที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงอะไรเลย  กี่ปีผ่านไปห้องเรียนก็ยังอยู่ในสภาพเก่า ๆ เดิม ๆ ไม่ได้เอื้อให้เกิดการใฝ่เรียนใฝ่รู้  หรือส่งเสริมให้คิดกว้าง  คิดไกล  ใฝ่รู้  อยู่อย่างเป็นสุข  ได้อย่างเหมาะสม

2. สื่อนวัตกรรม  (Innovation)  ที่ผ่านมาการผลิตสื่อนวัตกรรมทางการศึกษา
ได้รับความเอาใจใส่  แต่บางครั้งยังใช้สื่อไม่หลากหลาย  ไม่ทันสมัย  ไม่น่าสนใจ  ไม่ส่งผลให้เกิดการเรียนรู้  เช่น  หนังสือหรือตำราเก่า ๆ สื่อเทคโนโลยีที่ล้าสมัย  ใช้ยาก   

3.วิธีสอน  (Method)  ปัญหาอยู่ที่กระบวนการที่จัดให้แก่ผู้เรียนที่ไม่ได้เน้นให้
เกิดการเรียนรู้  การคิดวิเคราะห์  แสดงความคิดเห็นและการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง ทำให้ขาดคุณลักษณะที่พึงประสงค์  เช่น  เป็นคนช่างสังเกต  ช่างสงสัย  ใฝ่หาคำตอบ  เพราะวิธีการสอนที่ใช้ยังเป็นการสอนหนังสือมากกว่าการสอนคน  และขาดความเชื่อมโยงจากภูมิปัญญาท้องถิ่นกับเทคโนโลยีทางการศึกษา 

4.       ครู  (Teacher)  การปฏิรูปการเรียนรู้จะเกิดขึ้นหรือไม่   ครูถือเป็นผู้มีบทบาท
สำคัญมากที่สุด  เพราะครูยังยึดมั่นตนเองว่าเป็นผู้มีความรู้มากที่สุด  ถูกที่สุด  ไม่ยอมปรับวิธีเรียนเปลี่ยนวิธีสอน ยังใช้วิธีถ่ายทอดความรู้แบบเดิม ๆ  ล้าสมัย  ใช้เทคโนโลยีไม่เป็น  และไม่สนใจที่จะพัฒนาตนเอง  ครูแบบนี้ยังมีอยู่จำนวนมากในระบบโรงเรียน

5.กระบวนการเรียนรู้  (Process  Learning)  ไม่น่าสนใจ  น่าเบื่อหน่าย 
เพราะครูยังยึดเกณฑ์เนื้อหา  ความรู้  การสอบ  คะแนน  เป็นตัวกำหนดหรือตัดสินความสำเร็จของผู้เรียน  จึงทำให้เกิดความเครียด  ไม่มีความสุขในการเรียน  ไม่เป็นที่พอใจของผู้ปกครอง  กระบวนการเรียนการสอนยังเป็นพฤติกรรมถ่ายทอดมากกว่าการปฏิบัติ  การฝึกหัด  การอบรมบ่มนิสัย  ผู้เรียนเคยชินกับการนั่งนิ่ง  เงียบ  ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น  ไม่กล้าแสดงออก  ขาดความคล่องตัวในการที่จะฝึกคิดวิเคราะห์  คิดแบบวิทยาศาสตร์  ไม่รับรู้การปลูกฝังความภาคภูมิใจในศิลปวัฒนธรรมของชาติ  แต่ไวต่อการรับวัฒนธรรมของต่างชาติ      

6.โรงเรียน  (School)  เป็นแหล่งเรียนรู้ที่อยู่ในระบบ  ข้อบังคับ  มีระเบียบ
แบบแผน  มีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลายฝ่าย  มีการบังคับบัญชาหลายระดับ  บางครั้งงานพิเศษมีมากมาย  ที่ครูและบุคลากรทางการศึกษาต้องทำ  จนทำให้เสียหายต่อกิจกรรมการเรียนรู้  โรงเรียนจะติดต่อประสานงานกับหน่วยงานอื่น ๆ สักฉบับ  ต้องเสียครูหรือครูต้องทิ้งห้องเรียนไปเกือบตลอดวัน  แล้วอย่างนี้เด็กนักเรียนจะเรียนเก่งได้อย่างไร

7.ผู้บริหารสถานศึกษา  (Head of school)  ในสถานศึกษาบางแห่งผู้บริหารจะ
เป็นตัวปัญหาที่ทำให้การปฏิรูปการเรียนรู้ไม่ประสบผลสำเร็จ  เพราะผู้บริหารขาดภาวะผู้นำ  ขาดความสามารถในการบริหารจัดการ  ขาดประสบการณ์  หรืออาจเป็นเพราะมีความเชื่อมั่นในตนเองสูง  ไม่ฟังความคิดเห็นของผู้ใต้บังคับบัญชา  ไม่สามารถครองตน  ครองคน  ครองงานได้  จึงทำให้เกิดความล้มเหลวในการบริหารและปฏิรูปการเรียนรู้  

เกษม  วัฒนชัย  (2545  :  18-20)  กล่าวว่าการเรียนรู้คือหัวใจของการปฏิรูป 
มุ่งเน้นกระบวนการปลูกฝัง  ถ่ายทอด  ฝึกอบรม  ให้เกิดความรู้  เจตคติ  ความเข้าใจ  ความเชื่อศรัทธา  ระบบคุณค่า  ระบบคุณธรรม  การควบคุมและการดูแลตนเอง  ทักษะและการทำงานให้แก่ผู้เรียน  เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในความรู้สึกนึกคิดและพฤติกรรมของผผู้เรียน  ตามวัตถุประสงค์การเรียนรู้  ต้องยึดหลักว่าผู้เรียนสำคัญที่สุด  สามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง  มุ่งเสริมสร้างแหล่งเรียนรู้  เพื่อให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ที่ผู้เรียนมีโอกาสเรียนรู้ได้อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง  (ศูนย์ปฏิบัติการปฏิรูปการศึกษา.  2544  :  80)



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น